EB-3 Unskilled คือประเภทหนึ่งของวีซ่าถาวร (Green Card) ภายใต้หมวดหมู่การอพยพโดยมีงานเป็นฐาน (Employment-Based Immigration: Third Preference) สำหรับแรงงานที่ไม่มีทักษะเฉพาะทางหรือวุฒิการศึกษาสูง โดยมีนายจ้างในสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สปอนเซอร์ ผู้สมัครไม่จำเป็นต้องยื่นขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) แยกต่างหาก เพราะกรีนการ์ดที่ได้รับจะอนุญาตให้ทำงานได้ทันที ประเภทงานที่เข้าข่าย เช่น พนักงานร้านอาหาร แม่บ้าน พนักงานครัว หรือแรงงานในโรงงาน ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในสหรัฐฯ อย่างถูกกฎหมายและมีสิทธิพำนักถาวรในประเทศ

ไม่จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษา สำหรับการสมัคร EB-3 Unskilled เนื่องจากประเภทนี้ออกแบบมาสำหรับแรงงานที่ไม่มีทักษะเฉพาะทาง ผู้สมัครไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานการเรียนจบระดับมัธยมปลายหรือปริญญา อย่างไรก็ตาม ต้องสามารถทำงานที่นายจ้างมอบหมายได้อย่างมีความรับผิดชอบ และผ่านขั้นตอนการสัมภาษณ์และการตรวจสอบตามที่หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองกำหนด

ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน สำหรับการสมัคร EB-3 Unskilled เพราะประเภทนี้ออกแบบมาสำหรับแรงงานที่ไม่มีทักษะเฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม หากมีประสบการณ์ในสายงานที่เกี่ยวข้อง เช่น งานบริการ ร้านอาหาร หรือโรงงาน อาจช่วยให้ปรับตัวกับงานได้เร็วขึ้น และเป็นประโยชน์ในขั้นตอนการสัมภาษณ์กับนายจ้างหรือสถานทูต

ไม่สามารถเลือกงานหรือตำแหน่งเองได้โดยตรง เนื่องจากผู้สมัคร EB-3 Unskilled จะต้องทำงานกับนายจ้างที่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐฯ แล้วเท่านั้น โดยตำแหน่งงานและสถานที่ทำงานจะถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าในการยื่นคำร้อง อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครสามารถเลือกสมัครกับเอเจนซี่หรือตัวแทนที่มีตำแหน่งงานเปิดอยู่ในรัฐหรือประเภทงานที่ตนสนใจในช่วงเวลานั้นได้

ผู้สมัครจำเป็นต้องทำงานกับนายจ้างผู้สปอนเซอร์เดิมตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญา (ปกติประมาณ 1 ปี) เพื่อไม่ให้ขัดต่อเจตนารมณ์ของการขอกรีนการ์ด เมื่อครบตามเงื่อนไขแล้ว ผู้ถือกรีนการ์ดสามารถเปลี่ยนงาน ย้ายรัฐ หรือเข้าสายงานใหม่ได้อย่างอิสระตามกฎหมาย

โดยทั่วไปการดำเนินการ EB-3 Unskilled ใช้เวลาประมาณ 4–5 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความพร้อมของเอกสารจากนายจ้าง ปริมาณงานของหน่วยงาน USCIS และสถานการณ์ของผู้สมัครแต่ละราย ระยะเวลานี้ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการขอใบรับรองแรงงาน (PERM Labor Certification), การยื่นคำร้อง I-140, ไปจนถึงการสัมภาษณ์และออกกรีนการ์ดผ่านสถานทูตหรือการปรับสถานะในสหรัฐฯ ทั้งนี้หากเกิดการตรวจสอบ (audit) หรือร้องขอเอกสารเพิ่มเติม (RFE) อาจใช้เวลานานกว่านี้

สามารถยื่นรวมครอบครัวได้ โดยผู้สมัครหลักสามารถพาคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่สมรสและอายุต่ำกว่า 21 ปี ไปด้วยในกระบวนการขอวีซ่า EB-3 Unskilled ได้ทั้งหมด สมาชิกครอบครัวจะได้รับกรีนการ์ดถาวรเช่นเดียวกัน และเมื่อเดินทางเข้าสหรัฐฯ แล้ว คู่สมรสสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนบุตรสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ผู้ถือกรีนการ์ดยังไม่สามารถยื่นขอพ่อแม่หรือพี่น้องตามมาได้ จนกว่าจะได้รับสัญชาติสหรัฐอเมริกา

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณสำหรับการดำเนินการ EB-3 Unskilled อยู่ที่ประมาณ $15,000 สำหรับผู้สมัครหลัก (main applicant) ซึ่งครอบคลุมค่าดำเนินการกับเอเจนซี่และการประสานงานกับทนาย ทั้งนี้ นายจ้างจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายและเอกสาร เช่น PERM, I-140 และ DS-260 อย่างไรก็ตาม ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่ผู้สมัครต้องรับผิดชอบเอง เช่น ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าและกรีนการ์ด ค่าเดินทาง ค่าตรวจสุขภาพ และค่าใช้จ่ายรายบุคคลสำหรับผู้ติดตาม (เช่น คู่สมรสหรือบุตร) รวมถึงค่าธรรมเนียมเร่งด่วน I-140 Premium Processing หากเลือกใช้บริการดังกล่าว

สามารถยื่น EB-3 Unskilled ได้แม้ขณะพำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยหากผู้สมัครมีสถานะทางกฎหมายที่ถูกต้อง (เช่น วีซ่านักเรียน, วีซ่าทำงาน หรือวีซ่าชั่วคราวอื่น ๆ) สามารถดำเนินการยื่นคำร้อง I-140 และปรับสถานะ (Adjustment of Status หรือ AOS) เป็นผู้ถือกรีนการ์ดได้โดยไม่ต้องเดินทางกลับประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครต้องคงสถานะที่ถูกกฎหมายอย่างต่อเนื่องระหว่างรอผลคำร้อง มิฉะนั้นอาจมีผลกระทบต่อกระบวนการยื่น

เงินมัดจำงวดแรกจำนวน $5,000 เป็นค่าดำเนินการเริ่มต้นและไม่สามารถขอคืนได้ เนื่องจากจะถูกใช้ในการเปิดแฟ้ม เตรียมเอกสาร และเริ่มกระบวนการยื่นขอกับนายจ้างและทนาย หากไม่ผ่านในครั้งแรก ทางเราจะดำเนินการจัดหางานใหม่และยื่นเรื่องใหม่ให้กับผู้สมัครโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จนกว่าจะผ่านขั้นตอนเบื้องต้น ส่วนเงินงวดที่สองจำนวน $10,000 ซึ่งจะเรียกเก็บในภายหลังนั้น สามารถขอคืนได้ตามยอดที่ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้ โดยจะหักเฉพาะค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย และค่าดำเนินการที่ได้ชำระไปแล้วจริงเท่านั้น

ผู้ถือกรีนการ์ดสามารถยื่นขอสัญชาติอเมริกัน (U.S. Citizenship) ได้หลังจากพำนักในสหรัฐฯ อย่างถูกกฎหมายครบ 5 ปี โดยต้องมีคุณสมบัติตรงตามที่ USCIS กำหนด เช่น พักอาศัยในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง มีความประพฤติดี มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับภาษาอังกฤษและพลเมืองอเมริกัน รวมถึงผ่านการสัมภาษณ์และแบบทดสอบธรรมชาติความเป็นพลเมือง (Naturalization Test) เมื่อได้รับสัญชาติแล้ว ผู้สมัครจะมีสิทธิ์เลือกตั้ง และสามารถยื่นขอพ่อแม่หรือพี่น้องตามมาได้